วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เมื่อผมตัดสินใจไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี ผลที่ได้มันเป็นแบบนี้

ต้องบอกว่าเดี๋ยวนี้การศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น

ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติไปแล้วนะครับ อย่างหนุ่มคนนี้ที่ก่อนศัลยกรรมมีปัญหาเรื่องโหนกแก้มและกราม จนเมื่อตัดสินใจศัลยกรรมที่เกาหลี ตอนนี้หน้าตาเปลี่ยนไปแทบจะเป็นคนละคนเลยล่ะครับ แถมเขายังใจดีรีวิวให้ทุกคนได้อ่านเพื่อเป็นข้อมูลอีกด้วย


มาเริ่มกันเลยดีกว่านะครับ อันนี้หน้าตาผมแรกๆเลย บอกได้คำเดียวเลยว่าเป็นคนเหลี่ยมจัดจริงๆ แทบจะเป็นทีวีได้เลย  ดูไม่ได้เลยก็ว่าได้ จากรูปไปเสริมดั้งมาแล้ว แต่ดูยังไงก็ยังไม่เข้ากับรูปหน้าเลยในตอนนี้ อีกอย่างช่วงนั้นสิวก็เยอะ หน้าก็เป็นฝ้าได้อีก เรียกได้ว่าดูไม่ได้เลยก็ว่าได้

จากนั้นเห็นเพื่อนไปดัดฟัน แล้วโครงหน้าเปลี่ยนกัน ก็เลยไปปรึกษาหมอ เพื่อจัดฟันบ้าง ช่วงแรกๆ หลังจากที่จัดไปแล้ว สังเกตว่าตัวเองหน้าตอบมาก ทำให้ดูแล้วหน้าดูแก่ได้อีก



แต่หลังจากจัดฟันไปได้สักระยะ หน้าเริ่มเรียวยาวขึ้น แต่โหนกแก้มเริ่มเห็นชัดเจน และกรามก็เห็นชัดเจนเหมือนกัน ส่วนแก้มก็ยังตอบเหมือนเดิม ก็ยังทำให้หน้าดูแก่เหมือนเดิม

กลางเดือนกรกฎาคม 2558 ก็มีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ ไปถึงเกาหลีใต้วันแรกเที่ยวก่อนเลยครับ เรียกได้ว่าวันนั้นทั้งกิน ทั้งเที่ยวเอาซะเดินขาลากกันไปเลยวันนั้น

คือต้องบอกก่อนว่าตอนนั้นตั้งใจจะไปเที่ยวอย่างเดียว วางแพลนเอาไว้ว่าจะไปเที่ยวแค่ 5-7 วันเท่านั้น ก่อนไปจองตั๋วกลับไว้เรียบร้อยอย่างดิบดี คือกะจะไปเที่ยวอย่างเดียว ไม่คิดว่าจะไปทำศัลยกรรมใดๆ แต่พอดีมีคนที่รู้จักอยู่ที่นั่น ก็พูดเปรยๆ กับแม่เฟียว่าอยากจะทำศัลยกรรม อยากทุบกรามและโหนกแก้ม จะได้ดูดีบ้าง แล้วก็หัวเราะไปด้วย แบบประมาณพูดกึ่งเล่นกึ่งจริง แม่เฟียเลยบอกทำไหมละ เดี๋ยวแม่พาไป เพราะมีโรงพยาบาลที่รู้จัก และคุณหมอก็ฝีมือเก่ง แถมใจดีอีกด้วย ผมก็คิดไปคิดมา จะทำดีไหมวะ ใจหนึ่งก็กลัว แต่อีกใจก็คิดว่าไหนๆก็มาถึงที่นี่ละ เอาสักหน่อยละกัน ไหนๆก็ไหนๆละ



รูปหน้าวันที่ไปถึง โหนกแก้มชัดเจน หางตาตก หน้าผากรอยตีนกาเพียบ

เช้าวันรุ่งขึ้น แม่เฟียก็มารับที่โรงแรม เพื่อจะไปปรึกษากับคุณหมอที่โรงพยาบาล ระหว่างที่นั่งรถไป ก็ตื่นเต้นว่าจะเป็นไง ยังกล้าๆ กลัวๆ อยู่ ต้องบอกก่อนว่าโรงพยาบาลศัลยกรรมที่เกาหลีไม่ได้ใหญ่ และมีพื้นที่กว้างแบบโรงพยาบาลบ้านเรานะครับ ถ้าดูๆ แล้วก็จะเหมือนคลีนิคเสริมความงามบ้านเรานี่เอง แต่ระบบการจัดการต่างๆ บอกได้เลยว่าดีมากๆครับ พอขึ้นไปถึง ประตูลิฟท์เปิดออกมา แม่เจ้าาาา พนักงานตอนรับของโรงพยาบาลสวยๆทั้งนั้น มาบ้านเรานี่เป็นดารา นักแสดงได้เลย และการบริการก็ดีมากๆ อันนี้ขอชื่นชมเลยครับ


อันนี้ถ่ายจากข้างบนโรงพยาบาล ฝนก็ตก อากาศก็กำลังเย็นสบายเลยวันนั้น ชื่อโรงพยาบาลไม่ขอระบุนะครับ เพราะไม่รู้ว่าจะผิดกฎอะไรเขาป่าว เอาเท่าที่พอจะลงรูปได้นะครับ...ไปถึงก็นั่งรอคุณหมอสักพัก เพราะคุณหมอมีเคสอยู่ สักพักเจ้าหน้าที่คนสวยก็เชิญเข้าไปที่ห้อง เพื่อรอและให้คำปรึกษา อ้อ!! ลืมบอกไป ผมพูดภาษาเกาหลีไม่เป็นหรอกนะครับ และก็ไม่รู้เรื่องด้วยว่ายังไง  แต่โชคดีที่มีน้องปราง ลูกสาวของแม่เฟียช่วยเป็นล่ามให้ จากนั้นคุณหมอก็เดินเข้ามา และก็มานั่งพูดคุยว่าเราต้องการจะทำอะไร ผมก็บอกหมอว่าอยากตัดกรามและทุบโหนกแก้ม น้องปรางก็ช่วยเป็นล่ามคุยกับหมอให้ จากนั้นหมอก็วิเคราะห์รูปหน้า หันซ้าย หันขวา จับหน้าดูว่ากระดูกเป็นไงบ้าง คุณหมอก็มาวาดรูปให้ดูคร่าวๆ ว่าถ้าทำจะประมาณนี้นะ บลาๆๆๆ คุณหมอก็บอกจะทำไหม ถ้าทำก็เซ็นต์เอกสารยินยอมต่างๆ (อ่านไม่ออกหรอกว่าเขียนว่าไง  แต่น้องปรางก็ดูให้คร่าวๆ ก็เป็นประมาณหนังสือยินยอมอะไรประมาณนั้น)

จนสุดท้ายก็ตกลงเรื่องค่าศัลยกรรม เป็นอันเสร็จสรรพทุกอย่าง ตอนนั้นปาไปเกือบบ่ายสองแล้ว ข้าวก็ยังไม่ได้กินตั้งแต่เช้า เริ่มหิว แต่ก็ยังกินไม่ได้ เพราะหมอให้ไปอีกตึกเพื่อไปตรวจสุขภาพ วัดความดัน ตรวจเอ็กซเรย์โครงหน้าทุกอย่าง แล้วก็กลับมาที่เดิมเพื่อที่จะมาจ่ายเงิน แต่อย่างที่บอกว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะไปทำ เลยไม่ได้แลกเงินไปพอในตอนนั้น ซึ่งทางโรงพยาบาลในตอนนั้นก็ไม่รับให้รูดบัตร เพราะบัตรผมเป็นบัตรเดบิต และมันข้ามประเทศอีกด้วย เขาก็เลยกลัวจะมีปัญหาทีหลัง สุดท้ายก็เลยลงมาเพื่อมาหาธนาคารและจะกดถอนเงิน แต่ปัญหาก็เกิด เพราะบัญชีเป็นของไทย แต่ธนาคารเป็นของเกาหลี ดันเบิกเกินจำนวนมากๆไม่ได้ กดเบิกจาก ATM หลายรอบก็ยังเบิกไม่ได้ สุดท้ายถามเจ้าหน้าที่ธนาคาร เขาบอกเบิกจำนวนเยอะทางธนาคารเขาไม่อนุญาต เพราะประเทศเขากลัวว่าจะเป็นการฟอกเงินอีก เอาแล้วไงๆ จะทำอย่างไรดี

สุดท้ายก็เลยขึ้นมาที่โรงพยาบาลขอให้เขารูดจากบัตรเอา และต้องรูดหลายรอบเพราะธนาคารตั้งวงเงินในการถอนแต่ละวันเอาไว้อีก สรุปวันนั้นพี่ที่ไปด้วย (คนเกาหลี) ก็ช่วยพูดกับทางโรงพยาบาลให้ จนทางโรงพยาบาลตกลงในที่สุด สรุปสุดท้ายโอเคละได้ทำละ  เสร็จสรรพก็นัดกันวันรุ่งขึ้นเพื่อทำศัลยกรรม แต่งดน้ำ ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันนั้น เอาสิครับเย็นวันนั้นก็เต็มที่เลย จัดเต็มก่อนที่จะไม่ได้กินอาหารอร่อยๆไปอีกหลายวัน

วันที่ 3 ของการอยู่ที่เกาหลี
ถึงวันที่คุณหมอนัดผ่าตัดแล้ว ในใจก็ยังตื่นเต้น กล้าๆกลัวๆอยู่ แต่มาถึงขั้นนี้ละ ถอยหลังไม่ได้แล้ว เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆละ สู้โว้ยยยย ไปถึงโรงพยาบาล เดินมาถึงก็เจอพนักงานสาวสวยของทางโรงพยาบาล จัดการชำระเงินอีกครั้ง จากนั้นก็นั่งรอพยาบาลเรียก เพื่อไปถ่ายรูป ทำข้อมูลก่อนผ่าตัดอีกครั้ง โดยยังมีน้องปรางคอยช่วยแปลภาษาให้เช่นเคย จากนั้นก็ถึงเวลาขึ้นเขียง จำได้ว่ามีคุณหมอสองท่าน และพยาบาลอีกประมาณ 3-4 คน คอยอยู่ใกล้ๆ พยาบาลก็ช่วยกันจับมัดเอาไว้ กลัวเราดิ้นเผื่อตอนผ่าตัด ส่วนหมออีกคนก็ต่อสายสารพัด แล้วก็ฉีดยาสลบใส่เข้าไปในน้ำเกลือ รู้ว่าแต่คงสลบแน่นอน ไม่ทันถึงนาที ตาวูบ และก็สลบไปตั้งแต่คราวนั้น และนี่ก็เป็นรูปที่น้องปรางถ่ายเอาไว้หลังจากที่ทำเสร็จแล้ว ตอนนั้นผมยังสลบอยู่ ยังไม่ฟื้น ปล.ลงให้ดูได้บางส่วนนะครับ

หลังผ่าตัดเสร็จ ก็ยังสลบอยู่


น้องปราง คนที่ช่วยแปลภาษาและดูแลช่วงที่อยู่ที่เกาหลี

จากนั้นผมก็รู้สึกตัวขึ้นมาก็เกือบๆ จะสี่โมงเย็นแล้ว คาดว่าสลบไปประมาณ 5-6 ชั่วโมง จากนั้นคุณหมอก็ได้ย้ายผมให้ไปพักฟื้นอยู่ที่ห้องพัก โดยคุณหมอให้นอนพักดูอาการที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 1 คืน หลังจากผ่าตัดไปแล้ว สภาพยังโอเค ยังดูได้อยู่ไม่บวมใดๆ

หลังจากนั้นก็กลับไปพักฟื้นต่อที่โรงแรม แต่ทางคุณหมอก็ได้นัดให้มาดูอาการ ล้างแผลทุกวัน ช่วงนี้ไม่ขอลงรูปนะครับ เพราะเดี๋ยวจะตกใจกัน จากนั้นพอครบกำหนด 7 วัน คุณหมอก็นัดมาดูแผลและเอาผ้าที่พันออก เพราะผมมีแพลนจะบินกลับไทยแล้ว เพราะมีงานที่ไทยต้องกลับมาเคลียร์ต่อ ที่จริงทางคุณหมอยังไม่อยากให้กลับ อยากให้ดูอาการก่อนอย่างน้อย 1 เดือน แต่ด้วยงานที่รอที่เมืองไทย และจองตั๋วกลับไปแล้ว ซึ่งก็เลื่อนมาแล้วรอบหนึ่ง

ซ้ายมือรูปวันแรกที่ไปถึงเกาหลี และรูปขวามือเป็นรูปหลังจากเอาผ้าพันออก หน้ายังบวมอยู่ ปากก็ยังมีช้ำด้วยบ้างเล็กน้อย



จากนั้นก็กลับมาพักฟื้นและรักษาตัวต่อที่เมืองไทย ช่วงแรกๆต้องพันผ้าเอาไว้ตลอด เพราะคุณหมอสั่งเอาไว้ และจะต้องส่งรูปรายงานผลให้ทางโรงพยาบาลทราบทุกวัน เพราะคุณหมอเป็นห่วงเพราะอยู่ไกลเขา โดยผมก็ถ่ายรูปส่งไปให้น้องปรางทางไลน์ เพื่อให้คุณหมอดูทุกวันในช่วงแรกๆ
หลังกลับมาไทยได้ประมาณ 2-3 วัน

จากนั้นแรกๆก็ยังบวมอยู่ครับ แต่โหนกแก้มกับกรามหายไปแล้ว
ผ่านได้เดือนครึ่ง หน้าเริ่มหายบวม และหน้าเริ่มเรียวขึ้น

ผ่านไปเกือบ 5-6 เดือน ช่วงนี้หน้าเริ่มเข้าที่บ้างแล้ว



พอหน้าเริ่มหายดี ก็อยากทำปากกระจับบนให้โอเคอีกที เลยเริ่มหาข้อมูลว่าจะไปทำที่ไหนดี สุดท้ายเลยได้ที่ และก็โทรสอบถามรายละเอียดต่างๆ ตอนแรกก็กลัวว่าจะติดตรงดัดฟันจะทำไม่ได้ แต่คุยไปคุยมาสรุปทำได้ ตกลงเลยสิครับ จะรออะไร

รูปก่อนขึ้นเขียงทำปากกระจับบน



ตอนทำปาก เวลาฉีดยาชาโคตรเจ็บเลย แต่หลังจากที่ยาชาออกฤทธิ์แล้ว คราวนี้ไม่รู้สึกอะไรละ และนี่ก็เป็นรูปปัจจุบันหลังทำปากกระจับบนเสร็จแล้วครับ


ตอนนี้เหลือหางตาอย่างเดียว ที่ตอนนี้หางตาตก กำลังหาคลินิคทำต่อไป

และนี่ก็เป็นรูปตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนะครับ


ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านตั้งแต่ต้นจนจบนะครับ ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับ

บทความได้รับความนิยม

อย่างหล่อ 5 ดาราชาย ยอมรับทำศัลยกรรม
ทำแล้วดี ทำแล้วโดน 10 ดาราชายศัลยกรรมแล้วหล่อโฮก
 7 ดาราชาย ที่ยอมรับแบบแมนๆ ว่าศัลยกรรม